PRP แก้ผมบาง ผมร่วง ฟื้นฟูผมแข็งแรง หนาขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
ศูนย์ : ศูนย์ผิวหนังและความงาม
บทความโดย : นพ. ชาญเกียรติ ส่องสันติภาพ
ในทุกวันเส้นผมของคนเราจะมีการหลุดร่วงและงอกใหม่อยู่เสมอ โดยปกติแล้วเส้นผมจะร่วงวันละประมาณ 50 เส้น แต่ถ้าร่วงมากกว่านั้นจะถือว่ามีความเสี่ยงสูงมากที่จะเข้าสู่ภาวะผมร่วง ผมบางได้ซึ่งบางรายพบว่า ผมที่หลุดร่วงไปนั้นขึ้นใหม่น้อยลง หรือมีความผิดปกติจากปัจจัยต่างๆ จนทำให้ผมบาง ศีรษะล้าน ส่งผลให้ขาดความมั่นใจในตัวเอง รู้สึกกังวลและเครียด
PRP มีหลักการฟื้นฟูผมอย่างไร
PRP (Platelet Rich Plasma) หรือที่เรียกว่า เกล็ดเลือดเข้มข้น เป็นการนำเอาเลือดตัวเองมาปั่นโดยใช้เครื่องเหวี่ยงสาร (Centrifuge)แยกเฉพาะส่วนที่เป็นพลาสมาออกจากเลือดมาใช้ซึ่งพลาสมาในเลือดที่ได้มานั้นจะอุดมไปด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น และสารต่างๆ ที่เรียกรวมกันว่า Growth Factor สารเหล่านี้ทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นเลือด และการแบ่งตัวของเซลล์ เมื่อทำการฉีด PRP บริเวณหนังศีรษะมีปัญหาเรื่องผม เซลล์รากผมจะได้รับการฟื้นฟู มีเส้นเลือดไปเลี้ยงเซลล์มากขึ้น ถูกกระตุ้นให้สร้างเส้นผมและทำให้รากผมแข็งแรงมากขึ้น
PRP ช่วยฟื้นฟู แก้ปัญหาผมเรื่องใด
การทำ PRP เหมาะกับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง มีภาวะผมร่วงเป็นหย่อม หรือผมเส้นเล็กที่ยังมีรากผมอยู่ โรคผมบางจากพันธุกรรมและอยากทำการรักษาให้เส้นผมแข็งแรงขึ้นรวมถึงยังเหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถผ่าตัดด้วยการปลูกผม FUE หรือปลูกผม FUT ได้นอกจากนี้ PRP ยังช่วยกระตุ้นและสนับสนุนการเจริญเติบโตของผมหลังจากทำการปลูกผม โดยที่จะช่วยเพิ่มการสร้างหลอดเลือดไปเลี้ยงรากผมให้มีชีวิตทั้งก่อน ระหว่างและหลังจากปลูกผมเพิ่มการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและการเจริญเติบโตหลังจากปลูกผม และกระตุ้นรูขุมขนที่หยุดทำงานแล้วให้มีการสร้างเส้นผมขึ้นใหม่/p>
การรักษาผมร่วง ผมบางด้วย PRP มีข้อดีอย่างไร
- การรักษาด้วย PRPเป็นการใช้สารที่มาจากตัวเราเอง (autologous) ดังนั้นจึงช่วยลดความเสี่ยงของการแพ้ การไม่เข้ากันของภูมิคุ้มกัน หรือการติดเชื้อได้
- ขนาดแผลจะมีแค่แผลจากการฉีด PRP เท่านั้น ซึ่งมีขนาดเล็กมาก เมื่อหายก็ไม่ทิ้งรอย
- เป็นการรักษาที่ทำได้ง่าย ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาทำไม่นาน
- สามารถทำการรักษาด้วย PRP ผมร่วมกับการรักษาอื่นๆ ได้ เช่น การทำเลเซอร์ผม หรือยาใช้รักษาผมร่วง ผมบาง เป็นต้น
ข้อจำกัดในการทำ PRP ผม
การทำ PRP ผม จะไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคบางอย่าง อยู่ในสภาวะบางอย่าง หรือกำลังรับประทานยาบางชนิด จะไม่สามารถทำ PRP ผมได้ ดังนี้
- มีประวัติเป็นโรคหรือกลุ่มอาการที่มีความผิดปกติของเกล็ดเลือดเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด
- โรคเลือดจางมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำรุนแรงก
- มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดหรือมีการติดเชื้อเฉพาะส่วนในบริเวณที่ทำการรักษา
- มีการใช้ยากลุ่มNSAID อย่างต่อเนื่องภายใน 48 ชั่วโมง
- ผู้ที่อยู่ในช่วงที่ต้องรับประทานยาต้านเกล็ดเลือด หรือสลายลิ่มเลือด
- มีไข้หรือเพิ่งเจ็บป่วย
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งเม็ดเลือด หรือกระดูก
- หญิงตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหนังศีรษะที่ไม่มีรากผม
ที่สำคัญจำเป็นต้องกลับมาทำซ้ำทุกๆ 3-6 เดือนเนื่องจากไม่ใช่การปลูกผมถาวรหากไม่ทำการรักษาตามแพทย์แนะนำเป็นระยะเวลานานอาจทำให้ปัญหาผมร่วง ผมบางกลับมาอีกได้
การเตรียมตัวก่อนทำ PRP ผม
เข้าพบแพทย์เพื่อปรึกษาอาการผมร่วงผมบาง แพทย์จะดูสภาพของรากผมและหนังศีรษะก่อนว่าสามารถรักษาโดยการทำ PRP ได้หรือไม่ ถ้าเซลล์รากผมยังสามารถงอกผมได้ แพทย์จะแนะนำให้รักษาโดยการทำ PRP ได้ โดยจะต้องมีการเตรียมตัวดังนี้
- 1 วันก่อนการทำ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมงเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม
- งดอาหารที่มีไขมันสูง และดื่มน้ำสะอาด ประมาณ 2 ลิตร
- ห้ามรับประทานยาต้านการอักเสบและการแข็งตัวของเลือดในกลุ่ม ASA หรือยาในกลุ่ม NSIAD ก่อนทำ 2-3 วัน
- ควรงดการสูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการ
- ควรสระผมมาก่อนเข้ารับบริการ
- ห้ามใช้เจล หรือน้ำมันแต่งผม และงดการใช้ครีมนวด นวดผมและหนังศีรษะ รวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผมทุกประเภทก่อนเข้ารับบริการ
ขั้นตอนการทำ PRP ผม
- ทำการเจาะดูดเลือดที่ข้อพับแขน ในปริมาณที่จะต้องใช้
- นำเลือดมาปั่นเพื่อให้ได้เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นและมี Growth Factor สูง แพทย์นำออกมาเตรียมฉีด
- แพทย์ฉีด PRP เข้าสู่บริเวณหนังศีรษะที่ต้องการรักษา
การปฏิบัติตัวหลังการทำ PRP ผม
- งดการโดนน้ำ หรือสระผม เป็นเวลา 1 วัน
- งดการใช้สารเคมีประเภท Hydrogen Peroxide ในตลอดช่วงระยะเวลาการรับบริการ เช่น เจลแต่งผม น้ำมัน แว็กซ์ สเปรย์จัดแต่งทรงผม เป็นต้น
- งดอาหารที่มีไขมันสูง งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดบุหรี่
- ในช่วงสัปดาห์แรกให้ใช้ยาสระผมสูตรอ่อนโยน ในขณะที่สระก็ไม่ควรนวด หรือเกาแรงเกินไป
ความถี่ในการรักษา และผลลัพธ์ที่ได้
เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพ จะต้องทำต่อเนื่องกันประมาณ 3-10 ครั้ง และควรพบแพทย์อย่างต่อเนื่อง 2-3 เดือน หลังจากนั้นค่อยทำทุกๆ 3-6 เดือนโดยเดือนแรกของการรักษาจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง และเมื่อทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนมากขึ้นที่ ประมาณ 6 เดือนขึ้นไป ทั้งผมหนาขึ้น กระตุ้นการสร้างใหม่ของรากผม ช่วยซ่อมแซมรากผม ชะลอการหลุดร่วง เส้นผมแข็งแรง
การรักษาผมบาง ผมร่วง มีหลายวิธี แต่การรักษาด้วย PRP มีจุดเด่นตรงที่เป็นการใช้สารที่มาจากตัวเราเอง ดังนั้นจึงช่วยลดความเสี่ยงของการแพ้ การไม่เข้ากันของภูมิคุ้มกัน หรือการติดเชื้อได้ รวมทั้งยังเป็นการรักษาที่ทำได้ง่าย ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องผ่าตัด และใช้เวลาทำเพียงไม่นาน ซึ่งถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพิ่มเติมในการช่วยให้การรักษาเรื่องผมบาง จากการรักษาพื้นฐานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นอีกด้วยอ
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์ผิวหนังและความงาม